รด เบส ในชีวิตประจำวัน ( Acid Base in Everyday Life)
สารประกอบจำพวกกรด เบส มีความสำคัญและเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของมนุษย์อย่างมาก ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจว่า กรด เบส คืออะไรอย่างง่ายๆ
สารละลายกรด คือสารละลายที่มีรสเปรี้ยว เปลี่ยนสีกระดาษลิตมัสจากน้ำเงินเป็นแดง หรือทำปฏิกิริยากับโลหะได้ แก๊ส H 2 และ เกลือ
สารละลายเบส คือสารละลายที่มีรสขม เปลี่ยนสีกระดาษลิตมัสจากแดงเป็นน้ำเงิน หรือมีลักษณะลื่นๆ
สารละลายกรด คือสารละลายที่มีรสเปรี้ยว เปลี่ยนสีกระดาษลิตมัสจากน้ำเงินเป็นแดง หรือทำปฏิกิริยากับโลหะได้ แก๊ส H 2 และ เกลือ
สารละลายเบส คือสารละลายที่มีรสขม เปลี่ยนสีกระดาษลิตมัสจากแดงเป็นน้ำเงิน หรือมีลักษณะลื่นๆ
นิยามของกรด-เบส
Arrhenius Concept
กรด คือ สารประกอบที่มี H และเมื่อละลายน้ำจะแตกตัวให้ H + หรือ H 3O +
เบส คือ สารประกอบที่มี OH และเมื่อละลายน้ำจะแตกตัวให้ OH –
ข้อจำกัดของทฤษฎีนี้คือ สารประกอบต้องละลายได้ในน้ำ และไม่สามารถอธิบายได้ว่า ทำไมสารประกอบบางชนิดเช่น NH 3 จึงเป็นเบส
เบส คือ สารประกอบที่มี OH และเมื่อละลายน้ำจะแตกตัวให้ OH –
ข้อจำกัดของทฤษฎีนี้คือ สารประกอบต้องละลายได้ในน้ำ และไม่สามารถอธิบายได้ว่า ทำไมสารประกอบบางชนิดเช่น NH 3 จึงเป็นเบส
ชนิดของกรดและเบส
กรด แบ่งตามการแตกตัว แบ่งได้ 3 ชนิด
1. กรด Monoprotic แตกตัว 1 ได้แก่ HNO 3 , HClO 3 , HClO 4 , HCN
2. กรด Diprotic แตกตัว 2 ได้แก่ H 2SO 4 , H 2CO 3
3. กรดPolyprotic แตกตัว 3 ได้แก่ H 3PO 4
การแตกตัวของกรด Polyprotic แต่ละครั้งจะให้ H + ไม่เท่ากัน แตกครั้งแรกจะแตกได้ดีมาก ค่า Ka สูงมากแต่แตกครั้งต่อ ๆ ไปจะมีค่า Ka ต่ำมาก เพราะประจุลบในไอออนดึงดูด H + ไว้ดังสมการ
1. กรด Monoprotic แตกตัว 1 ได้แก่ HNO 3 , HClO 3 , HClO 4 , HCN
2. กรด Diprotic แตกตัว 2 ได้แก่ H 2SO 4 , H 2CO 3
3. กรดPolyprotic แตกตัว 3 ได้แก่ H 3PO 4
การแตกตัวของกรด Polyprotic แต่ละครั้งจะให้ H + ไม่เท่ากัน แตกครั้งแรกจะแตกได้ดีมาก ค่า Ka สูงมากแต่แตกครั้งต่อ ๆ ไปจะมีค่า Ka ต่ำมาก เพราะประจุลบในไอออนดึงดูด H + ไว้ดังสมการ
H 2SO 4 H+ + HSO 4 – Ka 1 = 10 11
HSO 4 – H+ + SO 4 2- Ka 2 = 1.2 x 10 -2
ปฏิกิริยากรด-เบส
- กรด+เบส-> เกลือ + น้ำ ; & Hydrolysis
- กรดทำปฏิกิริยากับเบสได้เกลือ(พวกไอออนิก)กับน้ำ เรียกปฏิกิริยาการสะเทิน ส่วนเกลือที่ได้จะมีสมบัติเป็นเกลือกรด เกลือเบส หรือเกลือกลาง ขึ้นอยู่กับชนิดของกรดเบสแก่อ่อน
- เกลือกรด เกิดจากกรดแก่กับเบสอ่อน; เกลือเบส เกิดจากกรดอ่อนกับเบสแก่ ; เกลือกลาง เกิดจากกรดเบสแก่ทั้งคู่ กรณีอ่อนทั้งคู่ต้องมีค่า Ka=Kb ถ้า Ka>Kb ได้เกลือกรด และ Kb>Ka ได้เกลือเบส
- เกลือทีเกิดปฏิกิริยาไฮโดรลิซิสได้ จะมาจากพวกกรดอ่อนหรือเบสอ่อน พวกแก่จะไม่เกิด การเกิดปฏิกิริยไฮโดรลิซิส เป็นการอธิบายว่า เกลือมีสมบัติเป็นกรด-เบสหรือกลาง นั่นเอง
- ตัวอย่างเกลือที่ไม่สามารถไฮโดรลิซิสได้ KCl NaCl NaNO3 ; CaBr2;MgSO4; K2SO4 ; NaClO4เป็นต้น
เกลือที่มีสมบัติเป็นเกลือกรด เช่น NH4Cl; NaHSO4
เกลือที่มีสมบัติเกลือเบสเช่น NaCN ; KF ; Na2CO3 เป็นต้น
- การหาปรมาณกรดหรือเบสที่ทำปฏิกิริยาพอดีกัน
- เราสามารถคำนวณได้จากสูตร
a(molกรด)=b(molเบส)
**a =จำนวน Hในสูตรกรดที่แตกตัวได้ ;b=จำนวนOHในสูตรเบสที่แตกตัวได้ เช่น H3PO4 มี a=3 ;
CH3COOH มี a = 1; Ca(OH)2มี b =2 - กรดที่มี H มาก ๆ (a) จะใช้ปริมาณน้อย ทำนองเดียวกันเบสที่มี OH(b) มากจะใช้ปริมาณน้อย ในการทำปฏิกิริยากัน
- ปริมาณสาร ในที่นี้หมายถึงจำนวนโมลของสาร ซึ่งสามารถเปลี่ยนจำนวนโมลเป็น ความเข้มข้น มวล หรือปริมาตรสารละลาย ได้ตามที่เคยเรียนมาแล้ว
- จำนวนโมลที่ใช้บ่อย ๆ เช่น g/M = CV/1000
***C=mol/lit - บางครั้งโจทย์อาจให้คำนวณหาร้อยละขององค์ประกอบในของผสมได้ ซึ่งต้องหามวลสารออกเป็นกรัมก่อน แล้วไปเทียบเป็นร้อยละจากของผสมทั้งหมด
- เราสามารถคำนวณได้จากสูตร
- การไทรเทรตกรดเบส
- การไทรเทรชั่น เป็นกระบวนการวิเคราะห์หาปริมาณสารจากการไทรเทรตสารที่ทำปฏิกิริยากัน โดยในการปฏิบัติจะหาปริมาตร(V)ของสารละลายมาตรฐานซึ่งอยู่ในบิวเรต แล้วนำค่า V ไปคำนวณจาก
***สูตร a(molกรด) = b(molเบส)หรือ
a(CV/1000)acid = b(CV/1000)base - การบอกจุดยิติ(End point) ทำได้ 2 วิธี คือ พิจารณาจากค่าการนำไฟฟ้า ที่จุดยุติ การนำไฟฟ้าจะต่ำสุด อีกวิธีที่สะดวกคือใช้ดูการเปลี่ยนสีจากอินดิเคเตอร์ โดยจะเปลี่ยนสีช่วง pH ของเกลือที่เกิดขึ้นจากการไทรเทรต
- การไทรเทรตสารละลายกรดเบส เราสามารถเขียนกราฟ และพิจารณาจุดยุติจากกราฟการไทรเทรตได้ โดยแกน Y แทนค่า pH และแกน X แทนปริมาตรสารละลายที่เติม(จากบิวเรต)
- การไทรเทรชั่น เป็นกระบวนการวิเคราะห์หาปริมาณสารจากการไทรเทรตสารที่ทำปฏิกิริยากัน โดยในการปฏิบัติจะหาปริมาตร(V)ของสารละลายมาตรฐานซึ่งอยู่ในบิวเรต แล้วนำค่า V ไปคำนวณจาก
- สาระลายบัฟเฟอร์
- สาระลายบัฟเฟอร์ เป็นสารละลายที่ควบคุม pH ให้คงที่หรือเปลี่ยนน้อยมาก เมื่อเติมกรดแก่หรือเบสแก่ลงไปเล็กน้อย
- สาระลายบัฟเฟอร์ ประกอบด้วยกรดอ่อน กับเกลือของกรดอ่อนนั้น หรือเบสอ่อนกับเกลือของเบสอ่อนนั้น (หรือต้องมี คู่กรด-คูเบสกัน นั่นเอง )
- ตัวอย่างสารละลายผสมที่เป็นสาระลายบัฟเฟอร์
HCN/NaCN***HCOOH/HCOONa***H3PO4/NaH2PO4***H2CO3/NaHCO3
NH3/NH4Cl - ในการณีผสมกรดกับเบส ได้สารละลายบัฟเฟอร์หรือไม่ มีหลักการพิจารณาดังนี้
1)ผสมกรดแก่ กับเบสแก่ ไม่เป็นสารละลายบัฟเฟอร์แน่นอน
2)ผสมสารละลายกรดแก่กับเบสอ่อน หรือกรดอ่อนกับเบสแก่ จะเป็นสารละลายบัฟเฟอร์เมื่อปริมาณ(จำนวนโมล)ของพวกอ่อน เหลืออยู่ เช่นใช้กรดอะซิติก 0.3 mol กับ NaOH 0.10 mol
3)เมื่อผสมกรดอ่อนกับเบสแก่ หรือกรดแก่กับเบสอ่อน ที่จุดยุติ(End point)ปริมาณทั้งสองเท่ากัน ทำปฏิกิริยากันหมดพอดี จะไม่ได้สารละลายบัฟเฟอร์ เพราะสารละลายผสมมีแต่เกลือเกิดขึ้นอย่างเดียว - ***pH สารละลายบัฟเฟอร์***
ถ้ามีกรดอ่อนอยู่ต้องหาความเข้มข้นไฮโดรเนียมไอออนจากสูตร
**** [H3O+]=Ka.[กรดอ่อน]/[เกลือ]
ในกรณีเบสอ่อน หา [OH–]=Kb.[เบสอ่อน]/[เกลือ] - ในการเตรียมสารละลาบัฟเฟอร์ที่เหมาะสม นิยมเตรียมอัตรส่วนความเข้มข้นของกรดอ่อนกับเกลือหรือเบสอ่อนกับเกลือ ให้มีค่าเท่ากัน ค่า pHจึงได้เท่ากับ -log Ka หรือ pOH = -logKb
- ตัวอย่างสารละลายบัฟเฟอร์ใกล้ตัวเรา เช่นในพลาสมา ในเลือด ในของเหลวในร่างกาย ในน้ำทะเล ในพืชผักเช่นน้ำแตงกวา เป็นต้น
- การไทเทรตจะได้สารละลายบัเฟอร์เมื่อก่อนหรือหลังจุดยุติ แล้วแต่ว่าเป็นการไขสารละลายแก่ลงในอ่อนหรือไขพวกอ่อนลงในแก่ เช่น ถ้าไขกรดอ่อนลงในเบสแก่ จะได้สาระลายบัฟเฟอร์เมื่อหลังจุดยุติ แต่ถ้ากลับกัน ไขพวกแก่ลงในอ่อน จะได้สารละลายบัฟเฟอร์ก่อนจุดยุติ โดยพิจารณาว่า พวกแก่ต้องหมดแล้วให้อ่อนเหลืออยู่cr
- cr.https://chompoomomild.wordpress.com/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%94-%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%AA/
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น